กลูโคซามีน (Glucosamine)
กลูโคซามีน เป็นสารซึ่งปรากฏเป็นปกติในเนื้อเยื่อเกือบทุกชนิดในร่างกายของเรา โดยการสังเคราะห์ที่เริ่มจากกลูโคส เซลล์ของกระดูกอ่อนที่ผิวข้อจะใช้กลูโคซามีนเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์โปรตีโอกลัยแคน ซึงเป็นสาระสำคัญในส่วนประกอบที่เป็นโครงสร้าง เมื่ออายุของเรามากขึ้น การทำงานของเซลล์กระดูกอ่อนผิวข้อจะเฉื่อยลง ความสามารถในการสังเคราะห์กลูโคซามีนและโปรตีนโอกลัยแคนลดลง ทำให้โครงสร้างของกระดูกอ่อนผิวข้ออ่อนแอลง เสี่ยงต่อการแตกสลายจากการใช้งานของข้อ ศักยภาพในการซ่อมแซมการสึกหรอที่เกิดจากการใช้งานของข้อในชีวิตประจำวันจะลดลงด้วย
มีการสังเคราะห์กลูโคซามีน ผลิตเป็นยารับประทานและยาฉีดเข้าข้อ (กลูโคซามีนซัลเฟต) โดยมีแนวคิดว่ากลูโคซามีนที่ให้เสริมเข้าไปจากภายนอกนี้ จะช่วยให้เซลล์กระดูกอ่อนผิวข้อ นำไปใช้ในการสังเคราะห์สารที่จะช่วยในการซ่อมแซมผิวข้อได้มากขึ้น
กลูโคซามีนในรูปของยาสำหรับรับประทาน ถูกทำให้อยู่ในรูปที่คงตัวมากขึ้น เป็นกลูโคซามีนซัลเฟต ซึ่งเป็นสารที่ละลายน้ำได้ดี สามารถถูกดูดซึมทางลำไส้ได้อย่างรวดเร็วเข้าสู่กระแสเลือด
เนื่องจากเป็นสารที่มีน้ำหนักโมเลกุลต่ำ จึงทำให้กลูโคซามีนซัลเฟตสามารถซึมผ่านผนัง หลอดเลือดผ่านน้ำในข้อ และเข้าสู่เซลล์ของกระดูกอ่อนผิวข้อได้โดยง่าย
ประโยชน์ของกลูโคซามีนในการรักษาโรค
1.ข้ออักเสบ การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมกลูโคซามีนติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจช่วยให้ผู้ป่วยบางรายสร้างกระดูกอ่อนขึ้นมาทดแทนในร่างกาย ช่วยลดความเจ็บป่วยและความรุนแรงของข้ออักเสบ
2.เพิ่มสารตั้งต้นในการผลิตน้ำเลี้ยงไขข้อ ทำให้ข้อต่อมีความยืดหยุ่นรับแรงกระแทกได้ดี
3.ซ่อมแซมเนื้อเยื่อบริเวณข้อที่ถูกทำลาย
4.เป็นยารักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
สารกลูต้าไธโอน (Glutathione)
เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยกรดอมิโนที่สำคัญ 3 ชนิดรวมตัวกันอยู่ คือ ซิสเตอิน (Cystein) ไกลซิน (Glycine) และ กลูตาเมท (Glutamate)
เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายสามารถผลิตกลูตาไธโอนได้เอง และถูกผลิตมากที่สุดที่ตับ ปอด ไต ม้าม ตับอ่อน และเลนส์แก้วตา สารมหัศจรรย์นี้เป็นกุญแจสำคัญในการช่วยให้ร่างกายแข็งแรง หน้าที่สำคัญ 4 ประการคือ
- สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย โดยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค ทั้งไวรัส แบคทีเรีย และสิ่งแปลกปลอมอื่นๆที่เข้าสู่ร่างกาย รวมทั้งเซลล์มะเร็ง
- ทำหน้าที่กำจัดสารพิษที่ผ่านเข้าในร่างกาย โดยจะจับสารพิษที่ไม่ละลายน้ำให้เปลี่ยนเป็นสารที่ละลายน้ำ และกำจัดออกทางไตหรือทางลำไส้ ดังนั้นตับและไตซึ่งเป็นอวัยวะที่มีของเสียและสารพิษสะสมมากที่สุด จึงพบ กลูตาไธโอนถูกผลิตออกมามากที่สุด เพื่อทำหน้าที่กำจัดของเสียนั่นเอง ในทำนองเดียวกัน ปอด ก็พบกลูตาไธโอนในปริมาณสูง เพื่อกำจัดของเสียจากที่คนเราหายใจเอาฝุ่นละอองและควันพิษเข้าไปที่ปอดนั่น เอง
- เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงที่สุด ผลิตขึ้นเองโดยทุกเซลล์ในร่างกายโดยธรรมชาติ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ปกป้องเซลล์ให้แข็งแรง ช่วยการไหลเวียนของระบบเลือด รักษาการทำงานของหัวใจและปอด ช่วยชะลออายุของเซลล์ทุกเซลล์ และชะลอความเสื่อมโทรมของร่างกายและของอวัยะวะทุกส่วน
- ช่วยกระตุ้นการสร้างและซ่อมแซม ‘เซลล์และดีเอนเอที่สึกหรอ นับเป็นกุญแจสำคัญในการสังเคราะห์โปรตีนและไขมัน กระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ชนิดต่างๆ
กลูต้าไธโอน คือ สารต้านอนุมูลอิสระ ที่ถูกสร้างและใช้มากที่สุดในร่างกาย นับเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องสายตาของคนเรา ช่วยเปลี่ยนแป้งที่สะสมในร่างกายให้เป็นพลังงาน และป้องกันการสะสมของไขมันซึ่งอาจนำไปสู่การเป็นโรคหัวใจ กลูตาไธโอนทำหน้าที่ปกป้องทุกเซลล์ของร่างกาย แต่เมื่ออายุมากขึ้น ปริมาณกลูตาไธโอน ในร่างกายจะลดน้อยลง หรือถูกผลิตขึ้นช้าลงและมีปริมาณน้อยลง คนเราเมื่อย่างเข้าอายุ 20 ปี ปริมาณกลูตาไธโอน ในร่างกายจะลดลงเฉลี่ย 8-12% ต่อ 10 ปี แต่หากร่างกายมีการบริโภคยาหรือเคมีมากเกินไป ปริมาณการลดลงของกลูตาไธโอนในร่างกายจะรวดเร็วกว่าที่คาดไว้ ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมเร็วก่อนวัย และโรคต่างๆเข้าแทรกแซงได้ง่าย